@banhunsa

หมอประจำบ้าน: สมองพิการ (Cerebral Palsy: CP)

เริ่มโดย siritidaporn, 26 มิถุนายน 2025

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

สวัสดีท่านสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นไฟล์หรือข้อมูลในเวป ไม่ควรนำไปขายหรือหาประโยชน์เชิงพานิชนะครับ เวปแบ่งปันแจกจ่ายให้เพื่อศึกษาพัฒนาทักษะอาชีพเท่านั้น เราคิดว่าหลายๆท่านคงได้ประโยชน์จากเว็บนี้ไม่มากก็น้อย การแบ่งปันเป็นจุดประสงค์หลักของเวปนี้ ขอบคุณครับด้วยความเคารพ
ขออภัย ผู้มาเยือน คุณไม่สามารถดูลิ้งค์ได้ กรุณา.. สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

สมองพิการ หรือที่เรียกว่า โรคสมองพิการแต่กำเนิด (Cerebral Palsy: CP) ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อหรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรง แต่เป็นภาวะความผิดปกติของสมองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะที่สมองกำลังพัฒนา (ก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอดไม่นาน) ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว การทรงตัว และท่าทางของร่างกาย

สาเหตุของสมองพิการ
สมองพิการเกิดจากความเสียหายของสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

สาเหตุในระหว่างตั้งครรภ์ (Prenatal Causes):

การติดเชื้อในมารดา: เช่น หัดเยอรมัน (Rubella), ไวรัสไซโตเมกะโล (CMV), ท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของสมองทารก
ปัญหาทางพันธุกรรม: ความผิดปกติของยีนบางชนิด
ภาวะสมองขาดออกซิเจนหรือเลือดไปเลี้ยงไม่พอ: จากปัญหาในรก หรือการไหลเวียนเลือดของมารดา
ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์: เช่น การตกเลือดรุนแรง, ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
สารพิษ: การสัมผัสสารพิษ เช่น ปรอท, สารเคมีบางชนิด หรือการดื่มแอลกอฮอล์/ใช้ยาเสพติดของมารดา
ภาวะแทรกซ้อนจากการเจ็บป่วยของมารดา: เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้


สาเหตุระหว่างคลอด (Perinatal Causes):

ภาวะขาดออกซิเจนขณะคลอด: เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุด เช่น สายสะดือพันคอ ทารกคลอดติดช่องเชิงกราน คลอดนาน
ภาวะคลอดก่อนกำหนด (Premature birth): สมองของทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเลือดออกในสมองได้ง่าย
น้ำหนักแรกคลอดน้อย:
การติดเชื้อในระหว่างคลอด: เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียจากช่องคลอดของมารดา


สาเหตุหลังคลอด (Postnatal Causes): (มักเกิดในช่วง 2-3 ปีแรกของชีวิต)

ภาวะสมองขาดออกซิเจน: จากการจมน้ำ สำลัก อุบัติเหตุ หรือภาวะหยุดหายใจ
การติดเชื้อในสมอง: เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือสมองอักเสบ (Encephalitis)
การบาดเจ็บที่ศีรษะ: จากอุบัติเหตุ การตกจากที่สูง หรือการถูกกระทำทารุณกรรมในเด็ก (Shaken Baby Syndrome)
ภาวะตัวเหลืองรุนแรง (Kernicterus): ระดับบิลิรูบินในเลือดสูงมากจนเป็นพิษต่อสมอง

อาการของสมองพิการ
อาการของสมองพิการจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งและระดับความรุนแรงของความเสียหายในสมอง และมักจะแสดงออกในรูปแบบของปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการประสานงานของร่างกาย โดยอาการมักจะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ช่วงวัยทารกหรือเด็กเล็ก และจะไม่แย่ลงตามอายุ

อาการที่พบบ่อย:

ปัญหาการเคลื่อนไหวและการควบคุมกล้ามเนื้อ:

ภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็ง (Spasticity): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เกร็งง่าย ขยับลำบาก ท่าทางการเคลื่อนไหวดูผิดปกติ
ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก (Hypotonia): กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตัวอ่อนปวกเปียก ไม่ค่อยเคลื่อนไหว
ภาวะการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติและควบคุมไม่ได้ (Dyskinesia): มีการเคลื่อนไหวแบบบิดเกร็ง (Dystonia) หรือการเคลื่อนไหวแบบกระตุกยุกยิกที่ควบคุมไม่ได้ (Athetosis)
ปัญหาการทรงตัวและการประสานงาน (Ataxia): เดินเซ ทรงตัวลำบาก การเคลื่อนไหวไม่แม่นยำ
พัฒนาการล่าช้า: เช่น คอไม่แข็ง นั่งไม่ได้ คลานไม่ได้ ยืนไม่ได้ หรือเดินช้ากว่าปกติ
ปัญหาอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วย (ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สมองเสียหาย):

ปัญหาการสื่อสารและการพูด: พูดไม่ชัด ลำบากในการออกเสียง หรือมีปัญหาในการทำความเข้าใจภาษา
ปัญหาการกลืนและการดูด: สำลักง่าย กินลำบาก น้ำลายไหล
ปัญหาการเรียนรู้และสติปัญญา: ความสามารถในการเรียนรู้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่ปกติไปจนถึงมีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา
ปัญหาการมองเห็น: เช่น ตาเหล่ สายตาสั้น ตาบอด
ปัญหาการได้ยิน:
ภาวะชัก (Epilepsy): พบได้ในผู้ป่วยบางราย
ปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรม: เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า
ปัญหาการนอนหลับ
ปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ: เช่น กระดูกสันหลังคด ข้อผิดรูป


การวินิจฉัย
การวินิจฉัยสมองพิการมักอาศัยการสังเกตพัฒนาการและการเคลื่อนไหวของเด็ก แพทย์จะซักประวัติอย่างละเอียด ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น:

การตรวจพัฒนาการ: โดยเฉพาะพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว
การตรวจภาพถ่ายสมอง: เช่น MRI หรือ CT Scan เพื่อดูความผิดปกติหรือความเสียหายของสมอง
การตรวจอื่นๆ: เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดสมองพิการ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดร่วมด้วย
การรักษาและการดูแล
สมองพิการเป็นภาวะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาและการดูแลจะเน้นไปที่การ พัฒนาศักยภาพ ลดความพิการ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ที่สุด ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทีมสหวิชาชีพและครอบครัว:


การบำบัดฟื้นฟู (Therapy):

กายภาพบำบัด (Physical Therapy): ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อที่ตึงเกร็ง พัฒนาทักษะการทรงตัวและการเดิน
กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy): ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น การแต่งกาย การกิน การดูแลตนเอง และอาจแนะนำอุปกรณ์ช่วยในการใช้ชีวิต
อรรถบำบัด (Speech Therapy): ช่วยปรับปรุงการพูด การสื่อสาร และทักษะการกลืน
วารีบำบัด (Hydrotherapy): การออกกำลังกายในน้ำ ช่วยลดแรงโน้มถ่วงและทำให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น


การใช้ยา:

ยาคลายกล้ามเนื้อ: เพื่อลดภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็ง (Spasticity)
ยาควบคุมอาการชัก: สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะชักร่วมด้วย
ยาอื่นๆ: ตามอาการและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น


การผ่าตัด:

การผ่าตัดเพื่อลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ: เช่น Selective Dorsal Rhizotomy (SDR)
การผ่าตัดแก้ไขความผิดรูปของกระดูกและข้อ: เช่น การยืดเอ็น การแก้ไขข้อที่บิดเบี้ยว


อุปกรณ์ช่วย:

เครื่องช่วยพยุง (Braces หรือ Orthoses): เช่น เฝือกอ่อน หรืออุปกรณ์พยุงขา เพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันความผิดรูป
รถเข็น (Wheelchairs): หรืออุปกรณ์ช่วยเดิน
อุปกรณ์ช่วยสื่อสาร: เช่น บอร์ดตัวอักษร หรืออุปกรณ์สื่อสารด้วยคอมพิวเตอร์

การดูแลด้านจิตใจและสังคม:

การให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยและครอบครัว
การสนับสนุนด้านการศึกษาและอาชีพ
สิ่งสำคัญ: การตรวจพบและให้การรักษาฟื้นฟูแต่เนิ่นๆ มีผลอย่างมากต่อพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยสมองพิการ

การป้องกัน
การป้องกันสมองพิการเน้นไปที่การลดความเสี่ยงของปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ:

การดูแลสุขภาพมารดาขณะตั้งครรภ์:

ฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ และสม่ำเสมอ
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จำเป็น เช่น หัดเยอรมัน (ก่อนการตั้งครรภ์)
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการใช้ยาเสพติด
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีหรือสารพิษ
ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ให้ดี


การดูแลระหว่างการคลอด:

การคลอดภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะขาดออกซิเจน
การดูแลทารกแรกเกิดที่มีภาวะคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักน้อยอย่างใกล้ชิด

การดูแลหลังคลอด:

ป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะในเด็ก เช่น ไม่เขย่าตัวเด็กแรงๆ (Shaken Baby Syndrome)
ป้องกันการติดเชื้อในสมอง เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ
ดูแลภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิดอย่างใกล้ชิด และรักษาอย่างเหมาะสมหากมีอาการเหลืองมาก

สมองพิการเป็นภาวะที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลแบบองค์รวมและต่อเนื่อง แต่ด้วยการรักษาและการสนับสนุนที่เหมาะสม ผู้ป่วยสมองพิการสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ครับ




ลิ้งค์หัวข้อ: ขออภัย ผู้มาเยือน คุณไม่สามารถดูลิ้งค์ได้ กรุณา.. สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ

 0 สมาชิก :

  • การดู 58 
  • ตลาดเปิดท้าย - โปรโมทงาน
  • 0 ตอบกลับ